กลุ่มบริษัทเอไอเอ ประกาศผลประกอบการ

มูลค่าธุรกิจใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วยมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 31 คิดเป็น 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 พร้อมประกาศนโยบายบริหารเงินทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มผลตอบแทนโครงการซื้อหุ้นคืน

คณะกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทเอไอเอ ประกาศผลประกอบการมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตขึ้นร้อยละ 31 รายงานจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (CER) สำหรับไตรมาสที่ 1 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 นอกจากนี้ เอไอเอ ยังได้ประกาศนโยบายบริหารเงินทุนโดยการเพิ่มมูลค่าโครงการซื้อหุ้นคืนจำนวน 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในโครงการซื้อหุ้นคืนจากเดิม 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

✅️ มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึงร้อยละ 31 คิดเป็น 1,327 ล้านเหรียญสหรัฐ
✅ ️การเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เติบโตขึ้นเป็นตัวเลขสองหลัก ในทุกส่วนรายงานทางธุรกิจ
✅️ อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB Margin) เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 54.2
✅️ เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้นร้อยละ 26 อยู่ที่ 2,449 ล้านเหรียญสหรัฐ
✅️ ประกาศนโยบายบริหารเงินทุนเพื่อความชัดเจนขึ้นในการคืนผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น
✅️ เพิ่มมูลค่าโครงการซื้อหุ้นคืนที่ดำเนินการอยู่อีก 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ รวมทั้งสิ้น 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า มูลค่าธุรกิจใหม่อันแข็งแกร่งของเอไอเอเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 31 ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 ซึ่งเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 1,327 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เป็นเลขสองหลักในทุกส่วนรายงานทางธุรกิจ ตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจในเอไอเอ

*จ่ายผลตอบแทนสูงขึ้น
“เรายังประกาศนโยบายบริหารเงินทุนใหม่และชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้การคืนผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นประจำปีสูงขึ้น โดยการจ่ายเงินปันผลและการซื้อหุ้นคืน เมื่อพิจารณาถึงสถานะทางการเงินอันแข็งแกร่งของเอไอเอ รวมถึงความเชื่อมั่นของเราในการดำเนินงานและการเงินในอนาคต คณะกรรมการบริหารได้อนุมัติวงเงินมูลค่าอีก 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในโครงการซื้อหุ้นคืนที่มีอยู่ของเรา รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

“ผลประกอบการในวันนี้แสดงให้เห็นว่าเอไอเอมีการวางกลยุทธ์ที่ถูกต้อง เป้าหมายของเรายังคงมุ่งมั่นในการสร้างผลกำไรผ่านการดำเนินธุรกิจใหม่ ซึ่งจะสร้างความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในการกำหนดอนาคตทางการเงินของเอไอเอ ด้วยการส่งมอบรายได้ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต เงินกองทุนส่วนเกินและมูลค่าผู้ถือหุ้นที่เพิ่มมากขึ้น”

*สรุปผลประกอบการของธุรกิจใหม่ในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2567
เอไอเอ สร้างการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ได้ถึงร้อยละ 31 เป็นจำนวน 1,327 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 ด้วยตัวเลขการเติบโตสองหลักจากทุกส่วนรายงานทางธุรกิจ พรีเมียร์ เอเจนซี่ มีส่วนสร้างการเติบโตในมูลค่าธุรกิจใหม่ถึงร้อยละ 20 ซึ่งมาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนตัวแทนที่สร้างผลงานและผลผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น

มูลค่าธุรกิจใหม่จากช่องทางพันธมิตรเติบโตถึงร้อยละ 70 ด้วยผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งจากทั้งช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์และที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (Independent Financial Advisor)

เอไอเอ ประเทศจีน ประสบความสำเร็จในการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ร้อยละ 38 ซึ่งมาจากพรีเมียร์ เอเจนซี่ ที่สร้างการเติบโตในมูลค่าธุรกิจใหม่เป็นเลขสองหลัก ตลอดจนมีการเติบโตต่อเนื่องในช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์

นอกจากนี้ยังมีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ในวงกว้างทั้งจากฝ่ายการดำเนินงานที่จัดตั้งขึ้นและสาขาใหม่ กำไรจากมูลค่าธุรกิจใหม่ยังคงเพิ่มมากขึ้นถึงร้อยละ 54.6 จากร้อยละ 52.7 ในครึ่งหลังของปี 2566

โมเดลพรีเมียร์ เอเจนซี่ ของเราที่แตกต่างในจีนแผ่นดินใหญ่ ได้สร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมในไตรมาสแรกของปี 2567 ด้วยการเติบโตมากกว่าร้อยละ 20 ทั้งในด้านจำนวนของตัวแทนใหม่และตัวแทนใหม่ที่สร้างผลงาน ข้อเสนอที่น่าสนใจของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ประกันบำนาญที่ลดหย่อนภาษีได้ มีส่วนสนับสนุนจำนวนลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก

อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่จากช่องทางตัวแทนทรงตัวที่ประมาณร้อยละ 60 โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่แข็งแกร่งเป็นเลขสองหลักจากแบบประกันที่มอบความคุ้มครองแบบดั้งเดิมและความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่องสำหรับผลิตภัณฑ์ประกันสะสมทรัพย์ระยะยาวของเรา

เอไอเอ ประเทศจีน ยังคงส่งมอบการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรแบงก์แอสชัวรันส์ที่คัดเลือกมาอย่างดี และได้แรงหนุนจากทั้งกิจกรรมการขายที่แข็งแกร่ง ตลอดจนความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น โดยมีอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ประมาณร้อยละ 40 ในไตรมาสแรกของปี 2567

เอไอเอ ฮ่องกง มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ร้อยละ 43 และมีอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 64.3 จากร้อยละ 58.1 ในครึ่งหลังของปี 2566 กลุ่มลูกค้าภายในประเทศและนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ (MCV) มีส่วนทำให้มูลค่าธุรกิจใหม่เติบโตคล้ายกันในวงกว้าง และทั้งสองกลุ่มมีอัตราการเติบโตเป็นเลขสองหลัก มูลค่าธุรกิจใหม่จากนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ได้สร้างแรงขับเคลื่อนและมากเกินกว่าในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566

มูลค่าธุรกิจใหม่มากกว่าร้อยละ 60 มาจากกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ที่เข้ามาผ่านช่องทางตัวแทนของเราในไตรมาสแรก โดยรวม พรีเมียร์ เอเจนซี่ ของเรามีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในด้านจำนวนตัวแทนใหม่ ในเดือนมีนาคม ปี 2567 เอไอเอ ฮ่องกง ประสบความสำเร็จในส่วนของมูลค่าธุรกิจใหม่รายเดือนสูงที่สุดนับตั้งแต่การเดินทางท่องเที่ยวได้กลับมาเป็นปกติอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2566

เอไอเอ ประเทศไทย ส่งมอบมูลค่าธุรกิจใหม่ที่เติบโตเป็นเลขสองหลักทั้งจากช่องทางตัวแทนและช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ สำหรับในด้านตัวแทน การเติบโตได้รับการสนับสนุนจากการเพิ่มจำนวนตัวแทนที่สร้างผลงานและผลผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น และเรายังคงผลักดันในการสรรหาบุคลากรที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

อัตรากำไรจากมูลค่าธุรกิจใหม่ยังคงแข็งแกร่งที่มากกว่า ร้อยละ 90 โดยได้ประโยชน์จากการสนับสนุนอย่างสูงทั้งจากผลิตภัณฑ์ประกันที่มอบความคุ้มครองแบบดั้งเดิมและผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิต ลิงค์)

เอไอเอ สิงคโปร์ มีแรงขับเคลื่อนที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ต่อเนื่องมาถึงไตรมาสแรกด้วยการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่โดดเด่น พรีเมียร์ เอเจนซี่ ในฐานะผู้นำตลาดมีการเติบโตได้ได้รับแรงสนับสนุนจากการสรรหาตัวแทนใหม่ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 และตัวแทนใหม่ที่สร้างผลงานเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 20

ธุรกิจของเราในมาเลเซีย รายงานว่ามูลค่าธุรกิจใหม่ที่เพิ่มขึ้นเป็นเลขสองหลัก โดยมีการเติบโตทั้งในด้านตัวแทนและการกระจายความร่วมมือ การร่วมมือกับ Public Bank ยังคงได้รับประโยชน์จากการมุ่งเน้นที่เพิ่มมากขึ้นในกลุ่มลูกค้าที่มีสินทรัพย์สูงของธนาคาร

เรายังมีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่เป็นตัวเลขสองหลักในตลาดอื่น ๆ ของเรา โดยได้รับแรงหนุนหลักจากผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมของ บริษัท ทาทา เอไอเอ ประกันชีวิต จำกัด (Tata AIA Life) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของเราในอินเดีย

และการเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยตัวเลขสองหลักจากธุรกิจของเราในออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้ ในช่วงไตรมาสแรกองปี 2567 ผลประกอบการของอินเดียในไตรมาสที่ 2 ปี 2566 ได้รับประโยชน์จากยอดขายที่แข็งแกร่งมาก ก่อนที่จะมีข้อจำกัดด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษีส่วนบุคคลของกรมธรรม์ที่มีมูลค่าจำนวนมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านช่องทางพันธมิตรของเรา

*ผลงานโดยรวมกลุ่มบริษัทเอไอเอ
โดยรวมแล้ว เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) ของกลุ่มบริษัทเติบโตขึ้นร้อยละ 26 เป็นจำนวน 2,449 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสแรกของปี 2567 และอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 54.2 โดยได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในส่วนประสมของผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอ จากแนวทางปฏิบัติทั่วไปของเรา สมมติฐานผลตอบแทนการลงทุนระยะยาวยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากที่แสดงในรายงานประจำปี 2566 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2566 อัตรากำไรที่รายงานตามมูลค่าปัจจุบันของเบี้ยประกันภัยธุรกิจใหม่ (PVNBP) เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 11 ในขณะที่มูลค่าเบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 เป็นจำนวน 11,223 ล้านเหรียญสหรัฐ

*รายงานพอร์ตโฟลิโอการลงทุน
สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่นของเอไอเอช่วยสร้างความแตกต่างที่สำคัญและความได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยได้รับการสนับสนุนจากการบริหารพอร์ตโฟลิโอที่ยังมีผลอยู่ใช้และแนวทางการลงทุนที่ขับเคลื่อนด้วยความรับผิดชอบ

อันดับเครดิตเฉลี่ยของพอร์ตโฟลิโอตราสารหนี้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 ยังคงทรงตัวที่ระดับ A เมื่อเทียบกับอันดับเครดิต ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 พอร์ตโฟลิโอหุ้นกู้ของบริษัทมีความหลากหลาย โดยมีผู้ออกหุ้นกู้มากกว่า 2,000 ราย และมีขนาดการถือครองเฉลี่ย 39 ล้านเหรียญสหรัฐ

ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 ร้อยละ 2 ของพอร์ตตราสารหนี้ทั้งหมดได้รับการจัดอันดับต่ำกว่าระดับการลงทุน หรือไม่ได้รับการจัดอันดับ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 3.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับประมาณ 4.0 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 หุ้นกู้ประมาณ 132 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 0.1 ของพอร์ตหุ้นกู้ทั้งหมดของเรา ถูกลดระดับให้ต่ำกว่าระดับการลงทุนในไตรมาสแรกของปี 2567

ในขณะที่ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) สำหรับพอร์ตหุ้นกู้ของเราไม่มีการเปลี่ยนแปลงในไตรมาสแรกของปี 2567 การตั้งสำรองของค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตไว้ที่มูลค่า 485 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 0.5 ของพอร์ตหุ้นกู้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 สะท้อนถึงพอร์ตการลงทุนคุณภาพสูงโดยรวมของเอไอเอ

ภาพรวม
เอเชียยังคงเป็นภูมิภาคที่มีผู้มุ่งหวังระยะยาวซึ่งน่าสนใจที่สุดในโลกสำหรับการนำเสนอประกันชีวิตและประกันสุขภาพ เงินออมภาคเอกชนในระดับสูง ประชากรสูงวัยที่เพิ่มขึ้น การเข้าถึงการประกันภัยที่ต่ำ และความคุ้มครองด้านสวัสดิการที่จำกัด ยังคงสร้างความต้องการผลิตภัณฑ์ของเอไอเออย่างมีนัยสำคัญ ลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของเราใช้ประโยชน์จากโอกาสอันโดดเด่นเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจใหม่ที่มีผลกำไรให้เดินหน้า ซึ่งจะสร้างรายได้ในอนาคตที่เพิ่มขึ้น เงินกองทุนส่วนเกินที่เพิ่มขึ้น และมูลค่าผู้ถือหุ้นที่สูงขึ้น

ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

เอไอเอได้รับเบี้ยประกันภัยส่วนใหญ่ในสกุลเงินท้องถิ่น และเราจับคู่สินทรัพย์และหนี้สินในประเทศของเราอย่างใกล้ชิดเพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เมื่อรายงานตัวเลขรวมของกลุ่มบริษัท จะมีผลกระทบในการแปลงสกุลเงินเนื่องจากเรารายงานเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เราได้ให้อัตราการเติบโตและข้อคิดเห็นบนอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น เนื่องจากจะทำให้เห็นภาพผลการดำเนินงานพื้นฐานของธุรกิจได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

รายงาน : อรุณ พงษ์พิชิต
รองบรรณาธิการ : อรุณ พงษ์พิชิต

ที่มา : https://thunhoon.com/article/292513

เราคือที่ปรึกษาการเงินให้คำปรึกษาด้านการบริหารความเสี่ยง📈การบริหารจัดการความมั่งคั่ง💵การประกันชีวิต👩🏻‍🦼ประกันชีวิตควบการลงทุนในกองทุนรวมหุ้น ตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก 🏦การวางแผนภาษี การประกันภัย 🚘 ด้วยทีมงานมืออาชีพที่มากด้วยประสบการณ์ที่จะนำพาท่านสู่ความสำเร็จ
 
🏆สนใจร่วมงานกับเราเพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นที่ปรึกษาทางการเงินมืออาชีพได้ทันที💰:
E: moneyandwealthplus@gmail.com
T: 063-282-3651
 
📺รวมช่องทางสื่อสารของเรา📣