คนไทยให้ความสำคัญเรื่องวินัยทางการเงินเพื่อฟื้นจากวิกฤติโควิด-19

วินัยทางการเงินเพื่อฟื้นจากวิกฤติโควิด-19

คนไทยให้ความสำคัญเรื่องวินัยทางการเงินเพื่อฟื้นจากวิกฤติโควิด-19

     “ยูโอบี” เผยผลการวิจัย ชี้คนไทยให้ความสำคัญกับวินัยทางการเงินมากขึ้นจากโควิด-19 โดยมากกว่าครึ่งของกลุ่มตัวอย่างเพิ่มสัดส่วนการออมเป็นลำดับแรกและเพิ่มสัดส่วนการลงทุน
 
   ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารยูโอบีได้เปิดเผยผลการวิจัยเกี่ยวกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและวินัยทางการเงิน โดยพบข้อมูลน่าสนใจคนไทยให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพทางการเงินมากขึ้นในช่วงโควิด-19 ระบาด และให้ความสำคัญมากกว่ากลุ่มตัวอย่างจากประเทศอื่นๆ ในอาเซียน ทั้งนี้ เกือบ 3 ใน 4 หรือร้อยละ 72 ของคนไทยต้องการจัดการเรื่องการเงินเป็นลำดับต้นๆ มากกว่ากลุ่มตัวอย่างในมาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซียและสิงคโปร์ ซึ่งร้อยละ 64 ของผู้ตอบแบบสอบถามคนไทยระบุ ได้เปลี่ยนวิธีบริหารจัดการเงินและเริ่มต้นจะบันทึกค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาวินัยทางการเงินในช่วงโควิด-19
 
     ในบรรดากลุ่มมิลเลนเนียลคนชาวไทย หรือร้อยละ 66 มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางการเงินที่โดดเด่นที่สุด เพิ่มการรัดเข็มขัดและติดตามค่าใช้จ่ายใกล้ชิดขึ้นมากในช่วงที่มีการระบาด นอกจากนั้น มากกว่า 3 ใน 4 หรือ ร้อยละ 76 ของกลุ่มมิลเลนเนียลคนไทยยังใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลช่วยในการติดตามสถานะทางการเงินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะที่แนวโน้มพฤติกรรมการติดตามค่าใช้จ่ายนี้ ยังเพิ่มมากขึ้น โดยธนาคารยูโอบีเอง มีลูกค้าเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าจากปี 2563 โดยลูกค้าได้ใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ ที่เรียนรู้พฤติกรรมการใช้จ่ายรายบุคคลด้วยเทคโนโลยี AI และช่วยให้ลูกค้าวางแผนทางการเงินได้ดียิ่งขึ้นผ่านอินไซต์สรุปรายการค่าใช้จ่ายรายเดือนแต่ละหมวด พร้อมฟังก์ชันจะช่วยให้ลูกค้าสามารถกำหนดงบประมาณค่าใช้จ่ายรายเดือนล่วงหน้าได้เอง และรับการแจ้งเตือนเมื่อการใช้จ่ายใกล้ถึงงบประมาณที่ตั้งไว้
การวิจัยยังพบอีกว่า นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางการเงินของคนไทยแล้ว การระบาดของโควิด-19 ยังส่งผลต่อเป้าหมายทางการเงินด้วย คนไทยมากกว่าครึ่ง หรือร้อยละ 52 ปรับเปลี่ยนพอร์ตการเงินใหม่โดยเพิ่มสัดส่วนเงินออมคิดเป็นร้อยละ 40 ของการเปลี่ยนแปลง ตามมาด้วยเงินฝากประจำ หรือ ร้อยละ 39 และแผนประกัน หรือร้อยละ 36
นอกจากนั้น 1 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสอบถามคนไทย หรือร้อยละ 36 ยังได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุน ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 อีกด้วย
 
     ด้าน นายยุทธชัย เตยะราชกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บุคคลธนกิจ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า การศึกษาเกี่ยวกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอาเซียนปี 2563 แสดงให้เห็นว่า คนไทยกำลังพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสในการเสริมสร้างสุขภาพทางการเงิน เพื่อให้มีความยืดหยุ่น ปรับตัวได้ในระหว่างการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสามารถฟื้นกลับมาอย่างแข็งแกร่งหลังการระบาด โดยยูโอบีพร้อมช่วยเหลือลูกค้าสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนผ่านความรู้ความเชี่ยวชาญการให้คำปรึกษาด้านการบริหารจัดการความมั่งคั่งและผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย สำหรับลูกค้ารายย่อย
สำหรับการสำรวจเกี่ยวกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคอาเซียนโดยธนาคารยูโอบี จัดทำขึ้นเพื่อทำความเข้าใจผู้บริโภคในอาเซียนให้ดีขึ้น เนื่องจากภูมิภาคนี้มีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเศรษฐกิจไปอย่างรวดเร็ว กลุ่มตัวอย่างในการตอบแบบสอบถามมีจำนวนมากกว่า 3,500 คน จาก 5 ประเทศอาเซียน รวมถึงกลุ่มตัวอย่างคนไทย 600 คน.
“เราพร้อมเปิดประตูมอบโอกาสให้คนยุคใหม่ มาเป็นส่วนหนึ่งของ Money and Wealth Plus ด้วยกันนะคะ อนาคตที่คุณเลือกเองได้”