ในวันศุกร์ที่ 2 ก.พ. 2567 (ก่อนช่วงตลาดนิวยอร์ก) เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 35.22 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับ 35.63 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (26 ม.ค. 67) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 29 ม.ค.-2 ก.พ. 2567 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 1,980 ล้านบาท แต่มีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 7,410 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตร 7,400 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 10 ล้านบาท)
ส่วนความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย ดัชนีหุ้นไทยพลิกกลับมาปิดบวก หลังแกว่งตัวผันผวนช่วงต้นสัปดาห์ ทั้งนี้หุ้นไทยดีดตัวขึ้นช่วงต้นสัปดาห์ขานรับปัจจัยบวกจากข่าวการลงนามข้อตกลงฟรีวีซ่าไทย-จีนเป็นการถาวร ก่อนจะย่อตัวลงในช่วงกลางสัปดาห์ตามแรงขายของนักลงทุนก่อนการประชุมเฟด ประกอบกับมีปัจจัยลบเข้ามาเพิ่มเติม เช่น ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนที่รายงานโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (ซึ่งอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 สะท้อนภาวะการหดตัวของภาคการผลิต) ความกังวลต่อประเด็นทางการเมืองในประเทศ และรายงานข่าวเกี่ยวกับการเตรียมปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยของ ธปท.
อย่างไรก็ดีหุ้นไทยฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ตามแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ หลังเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 5.25-5.50% ตามคาด ประกอบกับมีแรงหนุนจากสัญญาณบวกของทิศทางหุ้นต่างประเทศ และแรงซื้อคืนหุ้นไทย โดยเฉพาะกลุ่มไฟแนนซ์ เทคโนโลยี และพลังงาน
ในวันศุกร์ที่ 2 ก.พ. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,384.08 จุด เพิ่มขึ้น 1.16% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 43,617.53 ล้านบาท ลดลง 10.41% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.05% มาปิดที่ระดับ 409.01 จุด
สัปดาห์ถัดไป (5-9 ก.พ.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,375 และ 1,360 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,400 และ 1,415 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุม กนง. (7 ก.พ.) ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และผลประกอบการงวดไตรมาส 4/66 ของ บจ.ไทย