อเมริกันติดหนี้ บัตรเครดิต สูงสุดทุบสถิติ หวั่นเป็นระเบิดเวลาลูกใหม่!!

– สิ้นปี 2565 ยอดหนี้บัตรเครดิตทั้งหมดในสหรัฐ เพิ่มขึ้นแตะ 9.306 แสนล้านดอลลาร์ (ประมาณ 30.7 ล้านล้านบาท)
– สถานการณ์อาจถึง “จุดแตกหัก” ถ้าชาวอเมริกันไม่มีเงินจ่ายหนี้
– อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตอยู่ที่ประมาณ 20% จากสภาพเศรษฐกิจสหรัฐที่อยู่ท่ามกลางเงินเฟ้อ-ดอกเบี้ยสูง
– ปัจจุบัน 46% ของผู้ถือบัตรเครดิตชาวอเมริกันติดหนี้บัตร เพิ่มขึ้นจาก 39% ในปีที่แล้ว
เปิดศักราชใหม่ปี 2566 เพียงไม่กี่เดือน เศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐก็มีเรื่องถาโถมเข้ามาแบบไม่ขาดสาย เริ่มต้นตั้งแต่ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ตั้งแต่ปีที่แล้ว อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นจนธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายแบบไม่ยั้ง ลามไปกระทบภาคธนาคารพาณิชย์สหรัฐ จนธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ (SVB) และธนาคารอีกจำนวนหนึ่งล้มครืนตามกันไป รวมทั้งเมื่อไม่นานมานี้ ก็มีข่าวว่าบริษัทในภาคอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ของสหรัฐก็ “มีกลิ่น” ว่าจะผิดนัดชำระหนี้ครั้งใหญ่
ความปั่นป่วนของเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะหากย้อนกลับไปเมื่อช่วงต้นเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา เฟดสาขานิวยอร์ก ออกมาเปิดเผยรายงานเกี่ยวกับหนี้ครัวเรือนรายไตรมาสให้ข้อมูลว่า ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 ยอดคงค้างบัตรเครดิต (Credit Card Balance) ในสหรัฐเพิ่มขึ้น 6.1 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.013 ล้านล้านบาท) มาเป็น 9.86 แสนล้านดอลลาร์ (ประมาณ 32.5 ล้านล้านบาท) ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ แซงหน้าสถิติเดิมซึ่งอยู่ที่ 9.27 แสนล้านดอลลาร์ (ประมาณ 30.6 ล้านล้านบาท) ช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในไตรมาส 4 ปี 2562
หากอ้างอิงตามรายงานดังกล่าว ในไตรมาสที่ 4 ปี 2565 เปอร์เซ็นต์ผู้ใช้บัตรเครดิตที่ชำระยอดการรูดบัตร ล่าช้าอย่างน้อย 30 วัน พุ่งขึ้นแตะระดับ 5.9% จากช่วงก่อนหน้าที่ 5.2% ขณะที่เปอร์เซ็นต์ผู้ค้างชำระบัตรเครดิตขั้นรุนแรง หรือล่าช้า 90 วันขึ้นไป เพิ่มขึ้นแตะระดับ 4% ในไตรมาสเดียวกัน จาก 3.7% ในไตรมาสก่อนหน้า
ทั้งนี้ แม้อัตราส่วนดังกล่าวจะยังน้อยกว่าช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทว่าเฟดสาขานิวยอร์กเผยว่า “อัตราส่วนการผิดนัดชำระหนี้อาจปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2566”
จากรายงานรายไตรมาสของทรานส์ยูเนียน (TransUnion) หน่วยงานรายงานเครดิตผู้บริโภคของอเมริกา ระบุว่า ณ สิ้นปี 2565 หนี้บัตรเครดิต (Credit Card Debt) ทั้งหมดในสหรัฐเพิ่มขึ้นแตะระดับ 9.306 แสนล้านดอลลาร์ (ประมาณ 30.7 ล้านล้านบาท) หรือขยายตัว 18.5% จากในปีก่อนหน้า ส่วนยอดคงค้างบัตรเครดิตเฉลี่ยต่อประชากร 1 คนเพิ่มขึ้นแตะระดับ 5,805 ดอลลาร์ต่อคน (ประมาณ 191,565 บาท) ในช่วงเวลาเดียวกัน
จิลล์ กอนซาเลซ (Jill Gonzalez) นักวิเคราะห์จากวอลเล็ตฮับ (WalletHub) เว็บไซต์ให้คำปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล กล่าวว่า หากใช้เหตุการณ์ภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ช่วงปี 2550-2552 เป็นเกณฑ์ “จุดแตกหัก” จะเกิดขึ้นเมื่อระดับหนี้บัตรเครดิตในครัวเรือนอยู่ในจุดที่ประชาชนไม่สามารถจ่ายหนี้เหล่านั้นคืนได้ และสหรัฐก็เข้าใกล้จุดนั้นมากขึ้นทุกที
 
เราคือที่ปรึกษาการเงินให้คำปรึกษาด้านการบริหารความเสี่ยง📈การบริหารจัดการความมั่งคั่ง💵การประกันชีวิต👩🏻‍🦼ประกันชีวิตควบการลงทุนในกองทุนรวมหุ้น ตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก 🏦การวางแผนภาษี การประกันภัย 🚘 ด้วยทีมงานมืออาชีพที่มากด้วยประสบการณ์ที่จะนำพาท่านสู่ความสำเร็จ
 
🏆สนใจร่วมงานกับเราเพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นที่ปรึกษาทางการเงินมืออาชีพได้ทันที💰:
E: moneyandwealthplus@gmail.com
T: 063-282-3651
 
📺รวมช่องทางสื่อสารของเรา📣