81% อุตสาหกรรมบริการการเงิน พร้อมรับกฎหมาย PDPA !!!

81% อุตสาหกรรมบริการการเงิน พร้อมรับกฎหมาย PDPA !!!

ดีลอยท์ เผยผลสำรวจภาคธุรกิจไทยกับการเตรียมพร้อมรับ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
(PDPA)”ระบุ 81% อุตสาหกรรมบริการการเงินมีความพร้อมตามกำหนดบังคับใช้ในเดือนมิถุนายน 2565
ดีลอยท์ ประเทศไทย ผู้ให้บริการวิชาชีพชั้นนำ ด้านการสอบบัญชี การบริหารจัดการ การเงิน ความเสี่ยง ภาษีและกฎหมาย และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้กับลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนในอุตสาหกรรมด้านต่างๆ เผยแพร่ผลสำรวจภาคธุรกิจไทยกับการเตรียมพร้อมรับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 (PDPA) จากการเก็บข้อมูลและการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่เพิ่มมากขึ้น การจัดการและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลจึงเป็นสิ่งที่ธุรกิจทุกภาคส่วนมีความกังวลมากขึ้นไปด้วย
 
ที่สำคัญกว่านั้น คือการบังคับใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทย พ.ศ. 2562 จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565 หลังจากเลื่อนออกจากกำหนดการเดิมสองปี เพื่อให้การจัดการข้อมูลส่วนบุคคลมีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้มากยิ่งขึ้น แม้ว่าการบังคับใช้กฎหมายที่ล่าช้าจะทำให้ธุรกิจมีเวลาเตรียมตัวพร้อมปฏิบัติตามกฎระเบียบใหม่มากขึ้น แต่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะเปลี่ยนแนวคิดในเรื่องความเป็นส่วนตัวสำหรับภาคธุรกิจอย่างมาก
 
ในเดือนตุลาคม 2564 ดีลอยท์ ประเทศไทย ได้จัดทำแบบสำรวจการเตรียมพร้อมรับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) จากกลุ่มตัวอย่างองค์กรและอุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายคือเพื่อทำความเข้าใจว่าองค์กรมีแนวทางการเตรียมความพร้อมเพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวอย่างไร องค์กรมีแผนการดำเนินงานครอบคลุมถึงขั้นตอนใดบ้าง และความท้าทายที่อาจเผชิญระหว่างการดำเนินการคืออะไร ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่มาจากกลุ่มอุตสาหกรรมอุปโภคบริโภค (40%) รองลงมาคือกลุ่มอุตสาหกรรมบริการทางการเงิน (27%) โดยสรุปแล้ว ผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่าครึ่งหนึ่งประกอบด้วยบริษัทขนาดใหญ่ที่มีจำนวนพนักงานในองค์กร 500 คนขึ้นไป
 
ผลการสำรวจชี้ให้เห็นว่า ความรวดเร็วในการดำเนินงาน และแผนการดำเนินงานให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติดังกล่าวนั้นแตกต่างกันในแต่ละอุตสากรรมต่างๆ จากผลสำรวจพบว่า ปัจจุบันกลุ่มอุตสาหกรรมบริการทางการเงินมีการดำเนินที่คืบหน้ามากกว่าภาคธุรกิจอื่นๆ โดยดำเนินงานเป็นไปตามพระราชบัญญัติอย่างเต็มรูปแบบ และมีความพร้อมตามกำหนดบังคับใช้ในเดือนมิถุนายน 2565 81% กล่าวว่า พวกเขาได้ปฏิบัติตามอย่างเต็มรูปแบบ หรือคาดว่าจะปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวอย่างเต็มรูปแบบภายในเดือนมีนาคม 2565 เนื่องจากอุตสาหกรรมดังกล่าวมีกฎข้อบังคับอย่างเข้มงวด รวมถึงการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยให้การสนับสนุนในเรื่องการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าธนาคาร
 
ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนให้เกิดการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าว คือความเกรงกลัวต่อการถูกฟ้องร้องดำเนินคดีหากมีการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล รองลงมาคือการเสียชื่อเสียงและสูญเสียความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ตัวขับเคลื่อนส่วนใหญ่เป็นเกิดจากกฎเกณฑ์ข้อบังคับมากกว่าผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายในประเด็นดังกล่าวอาจส่งผลให้องค์กรต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่สูงตามมา
 
45% ของผู้ตอบแบบสำรวจคาดหวังประโยชน์ที่มีนัยสำคัญจากการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบในแต่ละอุตสาหกรรมพบว่าประมาณ 80% ของธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการทางการเงินและชีววิทยาศาสตร์และการดูแลสุขภาพคาดหวังผลประโยชน์ในขอบเขตจำกัด หรือไม่คาดหวังผลประโยชน์อื่นนอกเหนือจากการปฏิบัติตามข้อบังคับ เนื่องมาจากกลุ่มอุตสาหกรรมทั้งสองต้องเกี่ยวข้องกับข้อมูลที่มีความอ่อนไหวซึ่งมีข้อกำหนดที่เข้มงวดกำกับอยู่แล้ว
 
การผนวกรวมนโยบายและกระบวนการใหม่ในการดำเนินธุรกิจ ตามด้วยการตีความข้อกำหนดของพระราชบัญญัติดังกล่าว ได้รับเลือกให้เป็นความท้าทายอันดับต้นๆ ของทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ในระหว่างการดำเนินการเพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA)
ข่าวฉบับเต็ม: thansettakij.com/economy/511801
 
ร่วมสู่ความสำเร็จไปกับเรา ทีมงาน มันนี่ แอนด์ เว้ลท์พลัส พร้อมพาท่านเปิดประสบการณ์สู่โลกการวางแผนการเงินส่วนบุคคลที่ปรึกษาการเงินมืออาชีพด้วยการเรียนออนไลน์กับวิทยากร ผู้มากประสบการณ์ จันทร์-ศุกร์ เป็นเวลา 16 สัปดาห์ พร้อมรับเงินสนับสนุนสูงสุด 20,000 บาท และโอกาสรับโบนัสพิเศษสูงถึง 5 ล้านบาท
 
ติดตามเราได้ที่
E-mail: moneyandwealthplus@gmail.com
Tel: 063-282-3651