หลายสำนักได้ประมาณการกันไว้ว่าตัวเลขรวมของคนสามกลุ่มนี้น่าจะไม่น้อยกว่า 2 ถึง 5 ล้านคน ตัวเลขนี้ดูเหมือนสูง แต่ความจริงแล้วอาจสูงได้มากกว่านี้อีก เพราะตัวเลขนี้ยังไม่รวมถึงผลกระทบสืบเนื่องในภาคเศรษฐกิจอื่นที่เริ่มจะเผยอาการให้เห็นชัดเจนขึ้นในไตรมาสที่ 3 ของปี 2563 ซึ่งธุรกิจตัวแทนธุรกิจท่องเที่ยวได้รับผลกระทบมากที่สุด ลูกจ้างที่ทำงานอยู่ในธุรกิจนี้ลดลงไปถึงราว 30.42% ธุรกิจที่พักแรมและบริการด้านอาหารมีอัตราที่น้อยกว่าโดยลดลงราว 6.78%
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าสนใจคือ ธุรกิจที่มีอัตราการลดลงของผู้มีงานทำที่เป็นลูกจ้างมากที่สุดอันดับที่ 2 ถึงอันดับที่ 5 คือ การผลิตรองเท้าและเครื่องหนัง การผลิตกระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ อุตสาหกรรมการผลิตอื่นๆ บริการด้านความสวยงาม และการผลิตเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ธุรกิจเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวโดยตรง แต่เป็นธุรกิจที่พึ่งพาการส่งออกและกำลังซื้อภายในประเทศ สะท้อนให้เห็นว่าผลจากโควิดได้แพร่ไปแทบทุกภาคเศรษฐกิจแล้ว
ตั้งแต่ปลายปี 2563 จนถึงวันนี้เราได้รับทราบข่าวของโรงงานที่ต้องปิดกิจการอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งไม่ได้เป็นการปิดชั่วคราว เพราะมีการจ่ายเงินชดเชยการเลิกจ้างอย่างถูกต้องตามกฎหมายก่อนปิดกิจการ การเลิกจ้างในลักษณะนี้ หากต้องกลับมาเปิดกิจการอีกครั้งจะมีต้นทุนในการจ้างสูงขึ้น นายจ้างเองก็รู้ดีว่าถ้าจ้างคนกลับมาทำงานเหมือนเดิม ในอนาคตหากต้องเจอกับสถานการณ์ที่บีบให้ต้องเลิกจ้างขนานใหญ่แบบนี้อีก ก็จะเกิดต้นทุนซ้ำขึ้นมาเป็นมูลค่าที่สูง
ดังนั้น ทางเลือกที่ดีที่สุดหากต้องการจ้างคนกลับมาทำงานคือ การปรับโครงสร้างธุรกิจ แล้วเลือกเฉพาะคนที่ทำงานเก่ง ทำงานดี ทำงานได้หลากหลาย เพื่อให้ธุรกิจมีความคล่องตัวสูง รวมถึงจะต้องใช้คนให้น้อยที่สุด
การเลือกใช้คนให้น้อยที่สุด หมายความว่าถ้าวันนี้มีคนตกงาน 100 คน เกิดปีหน้าเศรษฐกิจกลับมาดีเหมือนเดิม ก็ไม่ได้หมายความว่าธุรกิจเหล่านี้จะจ้างคนกลับมาร้อยคนเหมือนเดิม มีโอกาสเป็นไปได้สูงว่าธุรกิจอาจจ้างคนกลับมาเพียง 50 ถึง 60 คนเท่านั้น ส่วนคนอีก 40 ถึง 50 คนที่เหลือต้องไปหางานในธุรกิจอื่น อุตสาหกรรมอื่น หรืออาจต้องพาครอบครัวย้ายถิ่นเพื่อไปหางานเสียด้วยซ้ำ
จริงๆ แล้วหาเจาะลึกไปยังกลุ่มที่ตกงานในทุกธุรกิจ แรงงานที่มีทักษะฝีมือต่ำมีโอกาสตกงานก่อน ด้วยระดับฝีมือแบบนี้การไปหางานใหม่ในธุรกิจอื่นหรืออุตสาหกรรมอื่นย่อมเป็นเรื่องยาก ได้งานที่ค่าตอบแทนต่ำ การจ้างงานเป็นสัญญาจ้างชั่วคราว สิ่งเหล่านี้ย่อมกระทบต่อความมั่นคงในชีวิตของตัวเองและครอบครัว
แล้วแรงงานทักษะฝีมือต่ำเหล่านี้มีทางเลือกอะไรเหลือให้กับตัวเองบ้าง?
เขาจะหางานใหม่โดยใช้ทักษะที่มีอยู่ก็คงได้งานระดับพอเอาตัวรอดไปวันๆ เท่านั้น หากจะออกมาทำอาชีพอิสระในตอนที่เศรษฐกิจไม่ดี โอกาสขาดทุนมีสูง ใครโชคดีหน่อยมีบ้านในชนบทให้กลับก็ยังพอประคองตัวไปได้ แต่ถ้าไม่มีที่ให้กลับไป
แล้วล่ะ พวกเขาจะทำอย่างไร?
การคิดนโยบายเพื่อช่วยเหลือแรงงานเหล่านี้ที่ต้องตกงานด้วยเหตุปัจจัยที่ไม่ปกติ และเป็นการตกงานแบบถาวร การออกแบบนโยบายเพื่อบรรเทาผลกระทบนี้จะใช้สูตรสำเร็จเหมือนตอนเศรษฐกิจตกต่ำในอดีตไม่ได้ เพราะบริบทแตกต่างกัน
ทางออกที่ยังมองไม่เห็นควรเริ่มจากการยอมรับความจริงว่าเราได้เข้าสู่โลกที่ไม่เหมือนเดิม นโยบายการสร้างงานที่นำมาใช้จึงต้องแตกต่างไปจากเดิมด้วย โดยควรเริ่มจากการยอมรับข้อเท็จจริงที่ว่า จากนี้ไปในบางธุรกิจคนจะกลายเป็นภาระที่ธุรกิจต้องทำให้เหลือน้อยที่สุด
อ้างอิง www.bangkokbiznews.com/news/detail/921208
“เราพร้อมเปิดประตูมอบโอกาสให้คนยุคใหม่ มาเป็นส่วนหนึ่งของ Money and Wealth Plus ด้วยกันนะคะ”
Tel: 063-282-3651
Web: moneyandwealthplus.com
LINE: lin.ee/k5HwV9W
Map: g.page/MoneyandWealthPlus
#MoneyandWealthPlus #Lifestyle #Freedom #Money #Fund #Financial #FA #Investment #Consultant #WealthCreation #WealthProtection #WealthAccumulation #WealthDistribution